หนี้ในยามแก่ (ตอนที่ 2)
โดย
ดร. สุวรรณ วลัยเสถียร
ประธานชมรมคนออมเงิน www.saverclub.org สงวนลิขสิทธิ์
พูดถึงเรื่องหนี้สินเราสามารถจัดแบ่งประเภทได้สองอย่าง
1. หนี้ดี คือ การกู้เงินมาเพื่อใช้ในการลงทุนไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในกิจการ SME หรือซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อใช้เป็นที่อยู่ หรือเพื่อปล่อยเช่า หารายได้ค่าเช่า หลาย ๆ ครั้งคนเรามีความจำเป็นจะต้องใช้เงินหรือซื้อทรัพย์สิน แต่ไม่สามารถหาเงินสดได้ทั้งก้อน ก็ต้องกู้เงิน หากเป็นการกู้โดยได้รับประโยชน์และจำเป็นแล้ว ถือว่าเป็นหนี้ที่ดี แม้แต่การกู้เงินเพื่อไปเรียนหนังสือ หาความรู้ ต่อยอดความสามารถในการทำงาน เงินที่ใช้จ่ายไปก็ต้องถือว่าเป็นหนี้ดีเช่นกัน เพราะเมื่อคุณเรียนจบแล้ว มีความรู้สูงขึ้น ก็สามารถทำงานที่ยากขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น ได้ปรับเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง ทำให้ได้ค่าตอบแทนสูงขึ้นด้วยเช่นกัน หนี้ที่ดีเหล่านี้ปกติดอกเบี้ยจะต่ำ เพราะผู้ให้กู้มีความมั่นใจในตัวลูกหนี้ผู้กู้ว่า ตั้งใจในการทำงานหรือหาความรู้ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างรายได้ที่จะนำมาชำระเงินต้นและดอกเบี้ยในอนาคต
2. ในทางตรงกันข้ามก็จะมีหนี้อีกประเภทหนึ่ง คือ หนี้ที่ไม่ดี ซึ่งหนี้พวกนี้มิได้เกิดขึ้นจากความจำเป็น แต่เกิดขึ้นจากการที่เราอยากได้สิ่งนั้น สิ่งนี้ เพื่อบำรุงความสุขของตัวเอง ถ้าหากไม่จำเป็นจะต้องกู้ยืมเงินมาใช้จ่ายก็ยังดำเนินชีวิตอยู่ได้ แต่คนเรามักจะรักสบาย และตามใจตัวเอง ในสมัยนี้บริษัทห้างร้านรวมทั้งสถาบันการเงินมีการออกบัตรเครดิตต่าง ๆ ให้ผู้ถือบัตรนำไปใช้ได้ค่อนข้างเสรี จึงทำให้คนเราใช้เงินเกินตัว เรียกได้ว่า เอาเงินในอนาคตมาใช้วันนี้โดยหวังว่าในช่วงเทศกาล เช่น ปีใหม่ จะได้รับเงินโบนัสก้อนโตเพื่อนำไปใช้หนี้ แต่อย่าไปหวังเงินในภายภาคหน้า เพราะอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจในประเทศไทยปี 2556 ไม่ดีเท่ากับปี 2555 นอกจากนี้ช่วงปลายปียังมีเรื่องความไม่สงบภายในประเทศระหว่างคนไทยหลายกลุ่มซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการด้านการท่องเที่ยว ดังนั้น การที่จะหวังจะได้โบนัสก้อนโต หรือสิ้นปีจะมีการปรับเงินเดือนขึ้นสูง ๆ อาจจะเป็นความหวังที่ไกลเกินเอื้อมก็ได้
ผมได้แบ่งวัยของคนเราออกเป็นสามช่วง คือ
(1) วัยหนุ่มสาว
(2) วัยกลางคน
(3) วัยเกษียณอายุ
(1) วัยหนุ่มสาว ปกติคนเราสมัยนี้เมื่อเรียนหนังสือจบขั้นปริญญาตรีก็จะสำเร็จการศึกษาราวอายุ 22 ปี หากทำงานต่อไปเรื่อย ๆ จนเกษียณเมื่ออายุ 62 ปี ก็ถือได้ว่าทำงานได้ 40 ปี ในช่วงที่เรียนจบใหม่ ๆ ยังมีกำลังกายมาก แต่กำลังทางปัญญาและประสบการณ์ยังมีไม่มาก รายได้จึงน้อย ถึงกระนั้นก็ดีคนหนุ่มสาวย่อมมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น และถ้ามีครอบครัวแล้วต่อไปมีบุตร ก็จำเป็นต้องสร้างหลักประกันให้แก่ครอบครัว วิธีสร้างหลักประกันที่สั้นและรวดเร็วดีที่สุด คือ การซื้อประกันชีวิต เพราะถ้าหากว่ามีลูกเกิดมา ยังอยู่ในวัยเยาว์ แล้วปรากฏว่าพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุหรือป่วยหนัก ไม่สามารถดูแลเด็กได้ หากไม่มีเงินหรือสินทรัพย์สำรองไว้ อนาคตของเด็กย่อมจะมืดมน ดังนั้น คนหนุ่มสาวจึงต้องใช้เงินในการลงทุนมาก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน หรือผ่อนรถ รวมทั้งอาจจะต้องใช้ในการศึกษาด้วย การกู้หนี้ในยามนี้ผมถือว่ามีความจำเป็น ยังไม่ค่อยน่าเป็นห่วง เหตุผลก็คือ
(ก) คนหนุ่มสาวยังมีระยะเวลาการทำงานไม่ต่ำกว่า 30-40 ปี ดังนั้น ในช่วงนี้ย่อมจะมีรายได้เข้ามาเจือจุนในครอบครัว รวมทั้งการจ่ายเงินต้นและส่งดอกเบี้ยด้วย การกู้เงินที่ถือว่าจำเป็นไม่เป็นภาระที่มากจนเกินไปนัก
(ข) ยิ่งไปกว่านั้น การกู้เงินซื้อบ้านก็ดี หรือผ่อนรถก็ดี ต้องถือว่าอัตราดอกเบี้ยไม่ค่อยสูงมาก การผ่อนหนี้ผ่อนสินจึงไม่เป็นภาระมากเท่าใด หนี้ประเภทนี้มีอายุการใช้คืนค่อนข้างนาน การชำระในแต่ละงวดจึงพอที่จัดหามาจากรายได้ประจำเดือน รวมทั้งเงินโบนัส
อย่างไรก็ตาม แม้คนหนุ่มสาวจะมีอายุการทำงานเหลืออีกมาก แต่ผมก็ไม่ส่งเสริมจะให้เขากู้หนี้ยืมสินมากจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นหนี้ที่กู้มาเพื่อบำรุงความสุขสบายแก่กายและใจ ถ้าไม่ระวังตัวแล้วดอกเบี้ยก็จะเพิ่มพูนทับถมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นหนี้ที่เจ้าหนี้เขาคิดดอกเบี้ยทบต้นได้ คือ ดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย หนี้ที่พึงระวังก็คือ หนี้จำพวกบัตรเครดิต รวมทั้งหนี้นอกระบบ หนี้ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ หนี้การพนัน คนเรานั้นหากวิญญาณของนักพนันเข้าสิงแล้ว ย่อมจะหลุดออกจากวงจรวิกฤติได้ยากมาก
สรุปแล้วในยามหนุ่มสาวแม้ว่าจะยังมีโอกาสทำงานได้อีกหลายปี ก็ควรที่จะจำกัดเรื่องหนี้สินเอาไว้ โดยใช้สูตรว่า การผ่อนชำระหนี้จะต้องไม่เกินกว่า 40-50% ของรายได้ มิฉะนั้นจะใช้หนี้ไม่ทัน ทำให้ต้องหันไปพึ่งการทำงานล่วงเวลา หรือหางานที่ทำเพิ่มเติมในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นตอนเย็น ตอนค่ำ หรือตอนสุดสัปดาห์ เพื่อจะได้มีรายได้มาชำระหนี้สิน แต่จะง่ายกว่าถ้าไม่กู้หนี้เงินมากจนเกินไป บัตรเครดิตให้ใช้เพียงใบเดียว และเมื่อครบสิ้นเดือนแล้ว ให้ชำระหนี้ไปทั้งหมด อย่าจ่ายขั้นต่ำ เนื่องจากถ้าคุณมีเงินเหลือไปฝากแบงค์ จะได้รับดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 2 ต่อปี แต่หนี้บัตรเครดิตเขาคิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อปี
ในตอนหน้าเราจะพูดถึงหนี้ของคนวัยกลางคนและหนี้ในยามเกษียณหรือยามแก่ ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ
ดร. สุวรรณ วลัยเสถียร
|